วิธีการดูแลยางรถยนต์และน้ำมันเครื่อง

ยางรถยนต์และน้ำมันเครื่อง เลือกและดูแลอย่างไร

สำหรับนักขับแล้ว ยางรถยนต์และน้ำมันเครื่องเป็นส่วนประกอบของรถที่สำคัญเอามากๆ เลยล่ะครับ เพราะเป็นไม่กี่อย่างของรถที่ต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน ซึ่งหลายๆ คนใส่ใจมาก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าต้องเลือกดู หรือดูแลยังไง ให้ยางรถยนต์และน้ำมันเครื่องอยู่กับเราแบบคุ้มค่าที่สุด และเพราะประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อยางรถยนต์และน้ำมันเครื่อง ด้วยความห่วงใยเพื่อนๆ เลยหาทริคมาฝากตามนี้เลยครับ

ซื้อยางรถยนต์และน้ำมันเครื่องยังไงดี

ตั้งแต่การเลือกซื้อกันเลยครับ เรามาเริ่มที่ยางรถยนต์กันก่อน ปกติแล้วยางรถยนต์ที่ติดรถมาจากโรงงานจะเป็นยางที่ดีกับรถที่สุด เพราะผ่านการทดสอบต่างๆ มาแล้ว แต่อย่างที่บอกครับ ยางรถยนต์และน้ำมันเครื่องเป็นของที่สึกหรอได้ตามกาลเวลา และพอถึงเวลาเปลี่ยนเจ้าของรถบางคนก็เปลี่ยนขนาดยางรถยนต์ด้วย อาจจะเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานหรือเพื่อความสวยงาม อยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากๆ ครับ เพราะอย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ยางรถยนต์คือพื้นที่แค่ฝ่ามือเดียวที่ยึดรถติดไว้กับถนน

เลือกยางรถยนต์จากขนาด

ปลอดภัยที่สุดในการเลือกขนาดของยางรถยนต์คือเทียบจากยางเก่าครับ ขนาดของยางรถยนต์ดูได้จากอะไร อย่างแรกคือดูจากคู่มือรถเลยครับ ส่วนอีกทางก็คือดูจากตัวยางเองเลย บนแก้มยางรถยนต์จะมีตัวเลขชุดหนึ่งอยู่ครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ https://www.thairath.co.th/content/950987

พอรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ว่าขนาดของยางรถยนต์ดูได้จากอะไรบ้าง สิ่งที่จะบอกต่อไปก็คือ เวลาเปลี่ยนขนาดยางรถยนต์ ถ้าใช้ยางขนาดเดิม ก็จิ้มเลือกเลยครับ ชอบยี่ห้อไหน อันไหนเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์เรามากที่สุด แต่ถ้าจะเปลี่ยนขนาดยางรถยนต์ตามลักษณะการใช้งานหรือเปลี่ยนเพราะอยากให้รถดูสวยขึ้นล่ะก็ ต้องทำให้สมดุลของยางใหม่ให้ใกล้เคียงกับยางเดิมมากที่สุดครับ ก็คือ

ทุก 10 มิลลิเมตรที่กว้างขึ้นของยางรถยนต์ ต้องลดความสูงของแก้มลง 5 ซีรี่ย์ หรือ 5%

ถ้าเลือกขนาดยางรถยนต์ที่ไม่สมดุลกับยางเดิม ผลที่ตามมาใน 2 กรณีคืออะไร

1.เลือกยางรถยนต์ขนาดเล็กเกินไป

ความสามารถในการรับน้ำหนักลดลงยางแตกง่ายนั่นเองครับ ดังนั้น ต้องเลือกที่ใกล้เคียงกับยางที่ออกมาจากโรงงานมากที่สุด เพื่อให้เกิดความสมดุลและปลอดภัยเวลาขับ คำนวณจากวิธีที่ให้ไว้ได้เลยครับ

เปลืองน้ำมัน เพราะถ้ายางรถยนต์เล็กลง เครื่องยนต์ส่วนอื่นๆ ก็ต้องทำงานมากขึ้นครับ พอทำงานมากขึ้นก็จะใช้น้ำมันมากขึ้นไปด้วย สิ่งที่ลดลงมีอย่างเดียวคือตังในกระเป๋าเราครับ พูดแล้วก็เศร้า

เกจ์วัดความเร็วรวนก็ล้อมันมีผลกับความเร็วและการขับขี่โดยตรงนี่ครับ ถ้ายางรถยนต์แปลกไป ไม่ใกล้เคียงของเดิม เกจ์วัดความเร็วก็ต้องงงเป็นธรรมดา เราก็จะตรวจสอบการขับของตัวเองได้ยากขึ้นครับ

เบรกยาก เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ยางรถยนต์ขนาดเล็กอัตราการเบรกจะช้ากว่ายางขนาดใหญ่อยู่แล้ว และถ้าเอามารวมกับรถใหญ่ๆ ด้วยล่ะก็ เกิดอุบัติเหตุง่ายมากเลยครับ


2.เลือกยางรถยนต์ขนาดใหญ่เกินไป

เสียดสีกับส่วนอื่นๆ ของล้อ ล้อใหญ่แต่ช่องใส่ล้อเท่าเดิม มันก็จะเหมือนเราใส่เสื้อคับน่ะครับ มันจะฝืด จะอึดอัด และยางเสียเร็วด้วยครับ

พวงมาลัยหนักเมื่อใช้ความเร็วต่ำพวงมาลัยมีไว้บังคับรถและล้อครับ พอใช้ยางใหญ่ไป ก็ไม่ไหวเป็นธรรมดา

เกจ์วัดความเร็วรวนหลักการเดียวกับเลือกยางรถยนต์ขนาดเล็กไปครับ


“สลับยางรถยนต์ทุกๆ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร หรือบางคนก็จะยึดตามการถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งที่ 2”

เลือกจากดอกยาง

ดอกยางคือปุ่มเล็กๆ ในร่องยางรถยนต์ครับหลายคนจะเข้าใจไปว่าดอกยางคือความสามารถในการเกาะติดถนน ซึ่งก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียวนะครับ เพราะจริงๆ แล้วดอกยางมีหน้าที่รีดน้ำออกจากยางมากกว่า ดอกยางมีทั้งหมด 4 แบบ ตามการใช้งานที่ต่างกันครับ

ดอกยางแบบละเอียดเรียบ ดอกยางละเอียดมาก ร่องยางแคบ มีความถี่ในการรีดน้ำ ฝุ่น ทรายละเอียดสูง สะบัดน้ำออกด้านข้างได้ดี เสียงรบกวนเวลาขับน้อย นั่งสบายเลยล่ะครับ

ดอกยางแบบสปอร์ต เหมาะกับการขับลุยน้ำ ถ้าขับบนพื้นแห้งๆ เสียงจะดังมากครับ

ดอกยางสำหรับรถออฟโรดส์ สลัดน้ำสลัดโคลนได้ดี ดอกยางบั้งใหญ่ ร่องห่าง วิ่งในป่าหรือถนนขรุขระได้ดีมากๆ

ดอกยางสำหรับถนนกึ่งลุยกึ่งเรียบ เหมาะกับคนที่ชอบเปลี่ยนบรรยากาศพารถไปเที่ยวตามทางลูกรังนานๆ ครั้งคือลุยมากไม่ได้ครับ

เลือกจากลักษณะการใช้งาน

ลักษณะการใช้งานมีผลต่อการสึกหรอของยางรถยนต์มากเลยครับ แม้จะบอกว่าควรเปลี่ยนยางทุกๆ 3 – 5 ปี หรือทุกการวิ่ง 30,000 – 50,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นรถที่บรรทุกของหนักตลอดเวลา หรือวิ่งทางชันบ่อย ความสึกหรอของยางรถยนต์ย่อมมากกว่ารถที่วิ่งทางเรียบในระยะเวลาเดียวกันอยู่แล้ว


และเช่นเดียวกันครับสำหรับการเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่น ก็มีทริคดีๆ มาฝากครับ ซึ่งขอบอกเลยว่า น้ำมันหล่อลื่นทำหน้าที่เคลือบ หล่อลื่น ส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ขณะรถวิ่งให้การทำงานไม่ติดขัด ตลอดจนชะล้างทำความสะอาดเครื่องยนต์ครับ ดังนั้นในการเลือกน้ำมันเครื่องให้รถของเรา ก็ต้องรู้ก่อนครับว่ารถเราใช้น้ำมันเครื่องอะไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะระบุไว้ในคู่มือรถอยู่แล้วครับ เราเปลี่ยนเองไม่ได้ แต่ควรจะรู้จักคร่าวๆ ไว้เพื่อเลือกน้ำมันที่เหมาะกับรถและกระเป๋าสตางค์เราครับ ซึ่งน้ำมันเครื่องก็จะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน ตามการใช้งานและราคาเลย

เลือกซื้อน้ำมันเครื่องให้ถูกประเภท

1. น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา (Synthetic)เป็นน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันปิโตรเลียม เหมาะกับรถที่ใช้งานมานานความหนืดสูง ยิ่งน้ำมันมีความหนืดมาก ก็ยิ่งช่วยกั้นช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้ดี มีระยะเปลี่ยนถ่ายทุก 5,000 กิโลเมตร

2. น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) เป็นน้ำมันหล่อลื่นธรรมดาผสมกับชนิดสังเคราะห์ ใช้กับรถที่สมรรถนะสูงและปานกลาง มีระยะเปลี่ยนถ่ายทุก 8,000 – 10,000 กิโลเมตร

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100 % (Fully Synthetic)เป็นน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์จากน้ำมันปิโตรเลียม 100% เหมาะสำหรับรถที่มีเครื่องยนต์สมรรถนะสูงและปานกลาง มีคุณสมบัติปกป้องอย่างรวดเร็วและทนรอบจัดได้ มีระยะเปลี่ยนถ่ายทุก 15,000 – 20,000 กิโลเมตร


การบำรุงรักษายางรถยนต์และน้ำมันเครื่อง

สำหรับยางแล้ว นอกจากจะเลือกซื้อให้ดีต้องดูแลรักษาให้เป็นด้วย การบำรุงรักษายางไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ แต่ต้องอาศัยความใส่ใจให้มากๆ ซึ่งอยากแนะนำวิธีดูแลยางรถยนต์ตามนี้เลย

เช็คสภาพดอกยางการตรวจดูรายละเอียดแบบละเอียดก่อนการเดินทางไกล จะช่วยเราป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากยางรถยนต์ได้เป็นอย่างดี ดอกยางสังเกตได้ง่ายๆ คือมีตัววัดความสึกหรอเป็นขอบยางเล็กๆ อยู่บนยาง เราจะเริ่มเห็นตัววัดนี้เมื่อยางของเราสึกลงไป 1.6 มิลลิเมตรครับ ถ้าโผล่ออกมามาก ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ได้แล้วครับ

เลือกเติมลมยางให้เหมาะสมความดันของลมยางส่งผลอย่างมากในการควบคุมรถยนต์ ลมยางที่เหมาะสมกับยางรถยนต์ของเราเป็นเท่าไหร่หาอ่านได้จากคู่มือรถยนต์ของเราครับ นอกจากจะเติมลมตามตัวเลขที่แนะนำไว้ในคู่มือแล้วยังสังเกตความรู้สึกขณะขับขี่ด้วยช่น ถ้ารู้สึกว่ารถเด้งเกินไป แสดงว่าลมยางแข็งไป หรือรู้สึกว่าต้องเหยียบคันเร่งมากกว่าปกติก็แสดงว่าลมยางอ่อนไปครับ

สลับยางรถยนต์เพื่อการใช้งานที่ดีปกติยางรถยนต์ด้านหน้าจะสึกง่ายกว่าล้อหลัง ดังนั้นจึงต้องมีการสลับเพื่อให้ยางรถยนต์ของเรามีความสึกเท่ากัน เราจะได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพครับ ส่วนใหญ่เค้าจะสลับยางรถยนต์ทุกๆ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร หรือบางคนก็จะยึดตามการถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งที่ 2 ถ้าเป็นยางรถยนต์ขนาดเดียวกันก็สลับจากหน้าไปหลังได้เลย ยางรถยนต์บางประเภทจะมีลูกศรให้หมุนเวียนตำแหน่งล้อไปตามทิศอีกด้วย ต้องสังเกตดูให้ดีครับว่ายางเราเป็นแบบไหน แต่ถ้าเป็นยางที่มีขนาดไม่เท่ากัน นอกจากสลับตำแหน่งแล้วต้องมีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วยครับ อันนี้คงเกินกำลังคนขับอย่างเราไป ลองเรียกใช้มืออาชีพเค้าดูนะครับ

น้ำมันเครื่องดูแลยังไงดีส่วนการดูแลน้ำมันเครื่องนอกจากการเลือกให้ถูกประเภทกับรถตามคู่มือแล้ว อีกสิ่งที่อยากให้คำนึงถึงมากๆ คือกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายครับ น้ำมันเชื้อเพลิงที่เราเติมหมดก็คือหมด แต่น้ำมันเครื่องมีผลต่อความสะอาดของเครื่องยนต์รถเราเป็นหลักเลย ถ้าเราไม่ได้เปลี่ยนถ่ายตามกำหนดน้ำมันที่หมดอายุการใช้งานแล้วก็จะไหลเวียนอยู่ในเครื่องยนต์ของเรา เครื่องยนต์ก็จะทำงานหนักมาก รถเราจะพังเร็วขึ้นครับ กำหนดการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็จะขึ้นกับประเภทน้ำมันเครื่องที่เราเติมไปเลยครับ ทีนี้หลายคนอาจอยากรู้ว่าดูยังไง ถึงจะถูก ถึงจะใช่ จะบอกให้สังเกตดูที่กระป๋องแล้วมองหาสัญลักษณ์เหล่านี้เลยครับ

หวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ เลือกซื้อเลือกใช้ และดูแลรักษายางรถยนต์และน้ำมันเครื่องได้เป็นอย่างดีนะครับ ขอย้ำอีกครั้งว่ายางรถยนต์และน้ำมันเครื่องที่เสียหายตามอายุการใช้งาน ประกันไม่คุ้มครองนะครับ แต่ประกันจะช่วยในกรณีที่มีความเสียหายอื่นๆ แล้วประทบมาถึงยางรถยนต์ ในอัตรา 50% ส่วนน้ำมันเครื่องนั้น ประกันช่วยเหลือไม่ได้ในทุกกรณี

อยากซื้อประกันรถยนต์?

เช็คเบี้ยใน 60 วินาที

ยางรถยนต์และน้ำมันเครื่องมีอะไรที่เค้าสงสัยกันบ้าง

ซื้อยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี

อันนี้ไม่กล้าฟันธงครับ เพราะมีหลายปัจจัยเหลือเกิน แต่เชื่อเถอะว่าถ้าใช้ทริคที่เราบอกไป ต้องได้ยางรถยนต์ที่ดี เหมาะกับรถและการใช้งานแน่นอน อย่าลืมนะครับ

• ยางถูกขนาด
• ดอกยางเหมาะกับลักษณะการวิ่ง
• เหมาะกับการใช้งาน

ซื้อน้ำมันเครื่องยี่ห้อไหนดี คุ้มค่าที่สุด

เช่นเดียวกับข้อที่แล้วครับ ฟันธงให้ไม่ได้ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ต้องบอกว่า เลือกน้ำมันเครื่องที่ความหนืดเหมาะสม และเปลี่ยนตามกำหนดสม่ำเสมอก็จะถนอมรถเราไว้ได้นานแน่นอนครับ

เติมน้ำมันเครื่องผิด ทำยังไงดี

ส่วนใหญ่ที่เติมผิดจะเป็นการเติมผิดระหว่างเบนซินและดีเซลนะครับ ซึ่งที่จริงแล้ว ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าเราเติมน้ำมันเครื่องผิด เพราะก็ยังหล่อลื่น ทำความสะอาดเครื่องได้เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพด้อยกว่าน่ะครับ อาจจะไม่ดีกับเครื่องยนต์ของเราเท่าไหร่ ถ้ารู้ตัวว่าเติมน้ำมันเครื่องผิด ควรทำยังไง ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ถ่ายทิ้งไปเลยครับ หรือใช้ไปแค่ครึ่งเดียวของอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องที่ถูกต้องก็พอ

ประกันชั้น 1 ไม่คุ้มครองยางกับน้ำมันเครื่องเหรอ
ใช่ครับ เพราะ 2 เหตุผลใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ

1. ประกันรถยนต์ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ

2. ยางและน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แล้วหมดไป และมีอายุการใช้งานแบบเป็นไปตามลักษณะการใช้งาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเป็นความเสียหายจากการใช้งาน ไม่มีใครสามารถรับประกันได้

แต่ประกันชั้น 1 และชั้นอื่นๆ ยังให้ความคุ้มครอง ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นความเสียหายจากอุบัติเหตุไม่ใช่ความเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาของยางเอง หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับส่วนอื่นๆ แล้วยางได้รับผลกระทบได้วย เช่นหลบรถสิบล้อตกข้างทางแล้วยางเสียไปด้วย อันนี้ประกันจะจ่ายตามความเสียหายไม่เกิน 50% ของราคายางครับ

อะไรคือความเสียหายส่วนอื่นที่กระทบมาถึงยางรถยนต์

หมายถึง การเกิดอุบัติเหตุกับส่วนอื่นเช่น โดนชนท้าย แต่ยางแตกปริไปด้วย แบบนี้ประกันรถยนต์ก็จะจ่ายค่าเคลมยางให้ด้วย ไม่เกิน 50% ของราคายาง เพราะความเสียหายหลักไม่ได้เกิดขึ้นกับยาง ยางเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบไปด้วยเท่านั้น

อยากซื้อประกันรถยนต์?

เช็คเบี้ยใน 60 วินาที